ผบ.ทร.ชงถามอสส. “เปลี่ยนเครื่อง” เรือดำน้ำ ขออย่าเพิ่งพูดซื้อ “ฟริเกต”

ผบ.ทร.ชงถามอสส. “เปลี่ยนเครื่อง” เรือดำน้ำ ขออย่าเพิ่งพูดซื้อ “ฟริเกต”

นายกฯโหมปั่นผลงานล้างหนี้คนไทย สั่งการบ้านทุกหน่วยงานคลอดแพ็กเกจสางหนี้ทั้งระบบ วางไทม์ไลน์แถลงแก้หนี้นอกระบบ 28 พ.ย. ส่วนหนี้ในระบบรอฟัง 12 ธ.ค. โต้ “นิด้าโพล” คนเห็นด้วยแจกเงินหมื่นก็มีเยอะ ย้ำเศรษฐกิจเลวร้ายกว่าที่คิด จีดีพีดิ่งหายวับ 0.5 เปอร์เซ็นต์ สัญญาณบ่งชี้ความจำเป็นเร่งด่วนกู้ 5 แสนล้านบาท “ไหม” ยกตัวเลขงัดข้ออ้างรัฐบาล ชี้ส่งออกทรุด-การลงทุนภาครัฐและเอกชนหดตัวไม่ใช่วิกฤติเศรษฐกิจอย่างที่ รบ.ประโคมข่าว เหน็บแปลกดีรัฐบาลดีใจจีดีพีโตต่ำเตี้ย “ผบ.ทร.” เปิดทีโออาร์เรือดำน้ำ เขียนรวมๆแค่ต้องการเครื่องยนต์ diesel generator set ขณะที่จีนเสนอ MTU 396 พ่วงตบท้าย GB31 L (ผลิตในจีน) เผยทำหนังสือถามอัยการสูงสุดกรณีขอเปลี่ยนเครื่องยนต์

รัฐบาลเดินหน้าเร่งผลักดันผลงานโครงการอื่นๆ เพื่อเรียกความเชื่อมั่น หลังจากนโยบายแจกเงิน 1 หมื่นบาทในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รมว.คลัง สั่งการบ้านให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกแพ็กเกจการแก้ไขปัญหาหนี้สินให้ครบทั้งระบบ โดยนายกฯจะแถลงเรื่องหนี้นอกระบบในวันที่ 28 พ.ย. และจะแถลงเรื่องหนี้ในระบบในวันที่ 12 ธ.ค.

นายกฯฟิตตามงาน รมต.-ผบ.ตร.

เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 20 พ.ย. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เข้าทำเนียบรัฐบาลปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ ตลอดช่วงเช้านายกฯนั่งทำงานบนตึกไทยคู่ฟ้า เรียกรองนายกฯ รัฐมนตรีและตัวแทนหน่วยงานต่างๆเข้าพบ ติดตามการทำงานตามนโยบายและข้อสั่งการ โดยเวลา 09.00 น.นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ สภาการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ผอ.สำนักงบประมาณ เข้าพบรายงานความคืบหน้าการทำงานและนายกฯมอบหมายให้นายภูมิธรรม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ (ก.น.บ.) แทนในเวลา 11.00 น. จากนั้นเวลา 10.27 น. นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกฯและ รมว.ต่างประเทศ นายจักรพงษ์ แสงมณี รมช.ต่างประเทศ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกฯ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.เข้าพบนายกฯตามลำดับ

ตั้ง 6 รองนายกฯบูรณาการ 6 ภาค

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงว่า ที่ประชุม ก.น.บ.มีมติเห็นชอบร่างประกาศ ก.น.บ.จัดตั้ง 6 ภาค 18 กลุ่มจังหวัดและกำหนดจังหวัดศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด และเห็นชอบการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ ภายใต้กลไก ก.น.บ. 7 คณะ ประกอบด้วย คณะอนุกรรมการประจำภาค 6 คณะ (6 ภาค) มีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกฯ เป็นประธานอนุกรรมการประจำภาคเหนือ นายภูมิธรรม เวชยชัย เป็นประธานอนุกรรมการประจำภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย เป็นประธานอนุกรรมการประจำภาคกลาง นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกฯและ รมว.ต่างประเทศ เป็นประธานอนุกรรมการประจำภาคตะวันออก นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯและ รมว.พลังงาน เป็นประธานอนุกรรมการประจำภาคใต้ และ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานอนุกรรมการประจำภาคใต้ชายแดน พร้อมตั้งคณะอนุกรรมการพัฒนาระบบการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ ให้นายปานปรีย์ เป็นประธานอนุกรรมการ กำหนดหลักเกณฑ์ต่างๆ อาทิ จัดทำเป้าหมายและแนวทางพัฒนาภาค

ขยายผลล้างขบวนการค้าหมูเถื่อน

ต่อมาเวลา 13.27 น. นายกฯไปถึงกระทรวงการคลัง ปฏิเสธเปิดเผยกรณี พล.ต.อ.ต่อศักดิ์เข้าพบ กล่าวเพียงว่ามีหลายเรื่องล้วนแต่เป็นเรื่องความมั่นคง แต่ขออนุญาตไม่แถลง ส่วนการแก้ปัญหาหมูเถื่อน ผบ.ตร.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ารายงานแล้วว่ามีการขยายผลได้ในเร็วๆนี้ ต้องตรวจสอบติดตามต่อไปอย่างใกล้ชิด ก่อนตนไปประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปกมีความเป็นห่วงไม่อยากให้ล่าช้า เพราะการโยกย้ายถ่ายเทเรื่องเงิน ถ้าหากมีทุนทรัพย์จะไปทำได้อีก ฉะนั้นการอายัดทรัพย์ ความรวดเร็วในการเข้าไปบริหารจัดการปัญหาที่มีอยู่ไม่ให้คาราคาซัง เราต้องกระตุ้น ทราบดีว่าเจ้าหน้าที่มีภารกิจมาก แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ ต้องเร็วที่สุด อาทิตย์นี้ต้องมีอะไรขึ้นมาบ้าง เพราะถ้าหากนับอาทิตย์นี้ 10 วันแล้ว

ขันนอตเร่งสาวถึงตัวการใหญ่

นายกฯกล่าวอีกว่า เหนือสิ่งอื่นใดคิดว่าจะต้องสาวถึงต้นตอให้ได้ ตัวเล็กๆเอาไว้ทีหลัง ตัวใหญ่เอามาก่อนดีกว่าจะได้จบสักที ไม่เช่นนั้นพอกวาดล้างได้แป๊บนึง อีก 6 เดือน 12 เดือนเกิดขึ้นมาใหม่ ได้คุยกับ รมช.คลังถึงการสนับสนุนผู้ประกอบการเลี้ยงหมูรายเล็กกับรายกลางที่ประสบปัญหา หยุดไปช่วงที่มีหมูเถื่อนเข้ามา ต้องมาดูว่าจะช่วยเหลือได้อย่างไร ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เข้าช่วยตรงไหนได้บ้าง

ผนึกกำลัง มท. แก้หนี้นอกระบบ

นายกฯกล่าวต่อว่า เรื่องที่แถลงไปว่าประมาณปลายเดือน พ.ย.หรือต้นเดือน ธ.ค.จะมีการแถลงการแก้ปัญหาหนี้สินทั้งหมด ต้องมาดูกันว่ามีกลุ่มไหนที่ยังขาดการดูแล มาพูดคุยกันแบบทำงานเป็นทีม แต่ไม่มีการหารือเรื่องแหล่งเงินกู้ของโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต เอาเรื่องหนี้ก่อน เรื่องดิจิทัลวอลเล็ตพูดชัดเจนแล้วถึงแหล่งเงินกู้ ชัดเจนแล้วว่าจะออกเป็น พ.ร.บ. เรื่องหนี้นอกระบบตนบริหารจัดการเอง ระหว่างตนกับกระทรวงมหาดไทย ได้มอบหมายนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทยไปแล้ว ท่านเข้าใจและตระหนักดีถึงปัญหานี้

นายเศรษฐายังได้ทวีตภาพประชุมร่วมกับนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ และตัวแทนหน่วยงานต่างๆพร้อมทวีตข้อความผ่าน X ว่า ปัญหาข้าวรัฐบาลให้ความสำคัญ ได้เชิญผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่มาสอบถามปัญหาและแนวทางเสนอแนะให้รัฐบาล เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการส่งออกและผู้ปลูกข้าว ปัญหาสำคัญผลผลิตต่อไร่ยังต่ำกว่าคู่แข่งประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งที่ต้นทุนการผลิตใกล้เคียงกัน พันธุ์ข้าวบางพันธุ์ยังไม่ได้รับการรับรองจากกระทรวงเกษตรฯทั้งที่เป็นพันธุ์ข้าวที่ดี จึงสั่งการให้เร่งรัดติดตามและเร่งจัดทำ FTA รวมไปถึงหาตลาดใหม่ๆเพื่อให้ตลาดข้าวไทยเติบโตไปได้อย่างรวดเร็ว

สั่งการบ้านออกแพ็กเกจสางหนี้

ต่อมาเวลา 16.00 น. นายกฯเปิดเผยผลการประชุมที่กระทรวงการคลังว่า คุยหลายเรื่องแต่ใหญ่คือการแก้ไขปัญหาหนี้สินโดยรวมทั้งหมด แบ่งหนี้นอกระบบและหนี้ในระบบ วันที่ 28 พ.ย.จะแถลงการแก้ไขหนี้นอกระบบอย่างบูรณาการ ส่วนหนี้ในระบบเป็นหนี้ใหญ่ จะแถลงอีกครั้งหนึ่งวันที่ 12 ธ.ค. เวลา 14.00 น. จะแถลงครบทั้งแพ็กเกจ นอกจากนี้ยังได้ให้การบ้านให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปทำ

โต้กลุ่มเห็นด้วยเงินดิจิทัลฯก็มี

เมื่อถามถึง “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒน บริหารศาสตร์ (นิด้า) เผยผลสำรวจความเห็นประชาชน เรื่อง “OK ไหมกับนายกฯสรุปเอง เงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท” และการออก พ.ร.บ.กู้เงินพบว่าประชาชนส่วนใหญ่กว่า 50% ไม่เห็นด้วยว่า ดูคร่าวๆเห็นด้วยอยากให้แจกก็มี เป็นการสะท้อนความคิดเห็น เราได้แถลงไปเรียบร้อยแล้ว เรื่องอยู่ในมือคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว วันที่ 20 พ.ย.เวลา 13.30 น. ได้คุยกันถึงตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ออกมา 1.5% คู่แข่งประเทศเพื่อนบ้านต่ำสุด 3.3% มาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนาม คู่แข่งสำคัญที่จะแย่งแหล่งทุนอยู่ที่ 5% กว่าทั้งนั้น มากกว่า 2-3 เท่าด้วยในบางประเทศ แต่เป็นเรื่องการตีความว่าวิกฤติจำเป็นหรือเปล่า แต่สำหรับตนเห็นว่าจำเป็น และยังเป็นอย่างนั้นอยู่ หลังแถลงไปยังรับฟังเสียงสะท้อน ยังต้องทำงานต่อในรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ

ย้ำ ศก.เลวร้ายกว่าที่คาดคิด

เมื่อถามว่า ห่วงหรือไม่ว่า พ.ร.บ.กู้เงินจะออกมาอาจมีเสียงสะท้อนมากขึ้น จะทำให้เสียสมาธิเดินหน้า นายเศรษฐาตอบว่า ตำแหน่งผู้นำประเทศ ความรับผิดชอบสูง มีหลายภาคส่วนต้องดูแลแก้ไขปัญหา ไม่มีสิทธิเสียกำลังใจหรือเสียสมาธิ เป็นข้ออ้างไม่ได้ที่จะไม่ทำงาน ไม่ต้องห่วง ยืนยันเรายังทำงานเต็มที่ เข้าใจความลำบากของประชาชน การลดค่าใช้จ่ายต่างๆเราพยายาม อย่างที่บอกตกใจกับตัวเลขที่ออกมาขนาดนี้ เลขาธิการสภาพัฒน์ยังบอกนึกว่าจะเห็นเลข 2 อย่างน้อย 2.0 มา 1.5 หายไป 0.5% ถือว่าสูงมาก เป็นสัญญาณบ่งบอกความเร่งด่วนและความจำเป็นหรือเปล่า พูดเยอะแล้วตรงนี้

เมื่อถามว่า e-Refund กับดิจิทัลวอลเล็ต ประชาชนเลือกได้ 1 สิทธิ์ใช่หรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า ไม่ใช่ ใครมีคุณสมบัติเหมาะสมทั้ง 2 อย่างได้หมด หากใครมีเงินเดือนต่ำกว่า 7 หมื่นบาท ได้ดิจิทัลวอลเล็ต ใครใช้จ่ายวงเงินตามที่ e-Refund กำหนดไว้นำมาลดหย่อนภาษีได้ เมื่อถามว่า นายกฯพูดว่าเศรษฐกิจเลวร้ายกว่าที่คิด ขณะที่ก่อนหน้านั้นนายกฯบอกว่าเศรษฐกิจวิกฤติ แปลว่าตอนนี้หนักกว่าที่คิดไว้ใช่หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า คิดว่าเป็นการคอนเฟิร์มมากกว่าว่าสิ่งที่เราคิดมันคืออย่างนั้น เมื่อถามว่า คิดว่าไม่เกินความสามารถใช่หรือไม่ นายเศรษฐายิ้ม ตอบเพียงว่า“ขอบคุณครับ”

“อนุทิน-ธรรมนัส” จับมือบู๊แก้จน

วันเดียวกัน ที่รัฐสภา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย กล่าวปาฐกถาพิเศษ “วาระแห่งชาติ นโยบายแก้จนของประเทศ” ในงานสัมมนาการแก้ปัญหาความยากจน วิถีความสำเร็จและความเป็นอยู่ที่ดีของคณะกรรมาธิการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ วุฒิสภา ตอนหนึ่งว่า นโยบายแก้จนต้องเป็นวาระแห่งชาติ ทั้งชาตินี้และชาติหน้า ต้องแก้ให้ได้ ตั้งใจทำให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น ต้องทำให้พ้นทุกข์ขั้นพื้นฐาน พ้นความลำบาก ขอให้สัญญาประชาคมยืนยันความพร้อมทำให้สำเร็จ นอกจากสนับสนุนปัจจัย 4 ให้ประชาชนแล้ว ต้องเติมเต็มปัจจัยที่ 5 คือการศึกษาของเยาวชนที่มีคุณภาพ การลดรายจ่ายประชาชน เช่น สนับสนุนน้ำประปาดื่มได้ ให้ประชาชนไม่ต้องจ่ายเงินซื้อน้ำบริโภค หาที่ดินทำกินและพัฒนาแหล่งน้ำให้ครอบคลุมพื้นที่เกษตรกรรม จะทำงานร่วมกับกระทรวงเกษตรฯ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ ตนกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรฯ เป็นเพื่อนร่วมรุ่นที่มีสายสัมพันธ์ ได้พูดคุยและมีแนวคิดทางเดียวกัน จะใช้เวลาเท่าอายุรัฐบาล ทำให้เกิดผลสัมฤทธิ์มากสุด อาจจำเป็นต้องแลกกัน ทั้งงบฯหรือโครงการที่ใช้

ให้ นอภ.ขึ้นทะเบียนลูกหนี้นอกระบบ

จากนั้น นายอนุทินให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมแถลงแผนแก้หนี้นอกระบบของรัฐบาลในวันที่ 28 พ.ย.ว่า กระทรวงมหาดไทยทำตามคำสั่งนายกฯให้นายอำเภอ ผู้กำกับการตำรวจแต่ละโรงพักเป็นผู้ประสานงานแก้ไขปัญหาหนี้ จะไม่ใช้คำว่าหนี้นอกระบบ แต่เป็นหนี้ที่เอารัดเอาเปรียบประชาชน ชาร์จดอกเบี้ยสูงกว่ากฎหมายกำหนด บางครั้งประชาชนจ่ายเงินต้นไม่รู้กี่รอบแต่หนี้ยังอยู่ เพราะติดอัตราดอกเบี้ยสูง แต่ประชาชนมีปากเสียงมากไม่ได้ เกรงกลัวอิทธิพลเจ้าหนี้และผู้มีกำลังเหนือกว่า รัฐบาลต้องเร่งแก้ปัญหา เชื่อว่าถ้านายอำเภอและเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาดูแล การเอารัดเอาเปรียบข่มเหงประชาชนจะลดลงไป เป็นวัตถุประสงค์และกุศโลบายนายกฯให้ถือเป็นหน้าที่จะให้นายอำเภอเรียกลูกหนี้ทั้งหลายมาแสดงตนขึ้นทะเบียนเพื่อแก้ปัญหา บางทีไม่มีใครกล้ามา ดังนั้น นายอำเภอ ปลัดอำเภอ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองต้องไปสำรวจความเดือดร้อนประชาชนเรื่องหนี้นอกระบบ เพื่อเข้าไปแก้ปัญหา จะเร่งรัดให้เห็นผลเป็นรูปธรรมอย่างไร ขอให้รอฟังนายกฯแถลงวันที่ 28 พ.ย.

“ไหม” คาใจ ศก.ไทยวิกฤติจริงหรือ

น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ทวีตข้อความว่า การจะออก พ.ร.บ.เงินกู้ได้ รัฐบาลจำเป็นต้องพิสูจน์ให้ได้โดยชัดเจนว่า ตอนนี้มีความจำเป็นเร่งด่วน เพื่อแก้วิกฤติอย่างต่อเนื่องและตั้งงบฯประจำปีไม่ทันจริงหรือไม่ ไม่มีใครเถียงว่าเศรษฐกิจไทยแย่ เศรษฐกิจไทยโตช้า โตต่ำกว่าที่คาด แต่คำถามที่คาใจใครหลายคนตอนนี้คือสรุปแล้วเศรษฐกิจไทยวิกฤติหรือยัง วันนี้มีตัวเลขจากสำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติว่า จีดีพีไทยไตรมาสที่ 3 ของปีนี้โตขึ้น 1.5% จากตัวเลขวันนี้ตัวเลขภาคเอกชนโตขึ้นถึง 8.1% การลงทุนภาคเอกชนโต 3.1% แต่สต๊อกสินค้าลดลงมาก แสดงว่ายังไม่ได้ผลิตเพิ่ม สอดคล้องกับฝั่งการผลิตที่ภาคอุตสาหกรรมหดตัว ภาครัฐหดตัวลง ทั้งการบริโภค -4.9% เมื่อเทียบกับปีก่อน (จากการที่ปีก่อนมีการเบิกค่ารักษาโควิด แต่ปีนี้ไม่มี จึงหดตัว) การลงทุนภาครัฐหดตัว -2.6% และถึงแม้การส่งออกสินค้าจะหดตัวตามคาดที่ -3.1% แต่การส่งออกภาคบริการกลับโตถึง 23% ส่วนการนำเข้าหดตัวแรงที่ -10.2%

แซะแปลกดี รบ.ดีใจจีดีพีโตต่ำ

“ปัญหาของเศรษฐกิจไทยเป็นเรื่องการส่งออกหดตัวตามเศรษฐกิจโลก การลงทุนของรัฐที่หดตัวลง และการลงทุนภาคเอกชนที่ถึงแม้จะโตขึ้น แต่ถือว่าโตน้อยเมื่อเทียบกับการเติบโตของปีก่อน ไม่ใช่วิกฤติเศรษฐกิจอย่างที่รัฐบาลพยายามประโคมข่าว (แปลกดี ไม่เคยเห็นรัฐบาลของประเทศไหนอยากจะให้เกิดวิกฤติขึ้นในประเทศหรือมีท่าทีดีใจที่เห็น GDP โตต่ำ) เช่นนี้ รัฐบาลจะยังคงฝืนกระตุ้นภาคการบริโภคผ่านดิจิทัลวอลเล็ตอยู่หรือไม่” น.ส.ศิริกัญญาระบุ

“ธนาธร” ทอดไมตรียินดีแชร์ข้อมูล

วันเดียวกัน นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ให้สัมภาษณ์รายการกรรมกรข่าว คุยนอกจอ ตอนหนึ่งว่า สำหรับตนพรรค พท.คือมิตร แม้อยู่คนละฝ่าย และประเทศไทยในอนาคตจำเป็นต้องมีพรรคแบบ พท.และพรรค ก.ก. ยินดีจะไปแชร์ข้อมูลเรื่องการใช้เงิน 5 แสนล้านที่คิดโครงการขึ้นมา พันธมิตรระหว่างพรรค พท.กับพรรค ก.ก.จะเป็นพันธมิตรทำให้ประเทศก้าวหน้าที่สุด และกลับมาเป็นประชาธิปไตย เชื่ออย่างนั้น แม้จะเสียใจและเจ็บปวดที่สุดที่พรรค พท.ไม่ได้จัดตั้งรัฐบาลกับเรา แต่เข้าใจข้อจำกัดของพรรค พท. แม้จะเสียใจโอกาสของประเทศ เสียดายที่ไม่ได้เอาแนวคิดเราไปบริหาร

“ภูมิธรรม” ย้ำศึกษาประชามติชัด ธ.ค.

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางการทำประชามติ เพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นต่างเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 กล่าวว่า คณะกรรมการจะประชุมชุดใหญ่วันที่ 24 พ.ย.จะได้ข้อสรุปทั้งหมด ตอนนี้ทุกฝ่ายทำการบ้านอยู่ ยังไม่สามารถคาดเดาผลสรุปจะเป็นอย่างไร แต่ยืนยันไปแล้วว่าภายในสิ้นเดือน ธ.ค. น่าจะจบกระบวนการทุกอย่างและรวบรวมผลสรุปเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในไตรมาสแรกปีหน้า

“นิกร” ตั้งเวทีฟังเสียงคนอีสาน

นายนิกร จำนง ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการ รับฟังความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับแนวทางในการทำประชามติ เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ลงพื้นที่ อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร รับฟังความคิดเห็นของผู้แทนประชาชนในพื้นที่ชนบทในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พร้อมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นแนวทางการทําประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายนิกรเปิดเผยว่า ได้รับเสียงสะท้อนต้องอธิบายเรื่องรัฐธรรมนูญให้มากขึ้น ประชาชนยังรู้สึกว่าไกลตัว ต้องทำให้รู้สึกว่ารัฐธรรมนูญมีผลกระทบอย่างไร จากการให้ทดลองตอบคำถาม ส่วนใหญ่เห็นด้วยให้มี สสร. มีตัวแทนภาคประชาชนเข้าร่วมจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ และยังสะท้อนว่าหากทำประชามติเรื่องรัฐธรรมนูญจะออกมาใช้สิทธิออกเสียง รัฐบาลจำเป็นต้องประชาสัมพันธ์เพิ่มเติมเชิงลึกและเชิงกว้างให้ประชาชนเข้าใจว่าประชาชนมีส่วนร่วมและจำเป็นต้องมาร่วมออกเสียงทำประชามติ เพื่อทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

“อิ๊ง” ผุดไอเดียชูเที่ยวน่านฤดูฝน

เมื่อเวลา 10.40 น. ที่ อ.ปัว จ.น่าน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) พร้อมนายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรค นายณัฐพงษ์ สุปริยศิลป์ สส.น่าน น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. นายณณัฏฐ์ หงษ์ชูเวช ที่ปรึกษา รมว.การท่องเที่ยวฯ ลงพื้นที่พูดคุยกับเกษตรกรปลูกเมี่ยงใบชาบนดอยสกาด รับฟังปัญหาสิทธิที่ดินทำกิน ปัญหาเส้นทางคมนาคมที่อยู่ในเขตป่าสงวน และเสนอแนวคิดการส่งเสริมการท่องเที่ยวกรีนซีซันหรือช่วงฤดูฝนเป็นจุดเด่นของ จ.น่าน โดย น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ที่ดินทำกินเป็นเรื่องใหญ่ ต้องใช้เวลาและต้องนำไปปรึกษากันในรัฐบาล แต่สิ่งที่จะทำได้ก่อนเลยคือถนนและเส้นทางสัญจร ทราบว่าเคยมีถนนลาดยาง แต่เมื่อชำรุดกลายเป็นดินลูกรังและทำได้แค่ซ่อมแซมเล็กน้อย เนื่องจากติด พ.ร.บ.ป่าไม้ จะช่วยประสาน สส.ให้ไปหารือหาทางช่วยเหลือเร็วที่สุด การท่องเที่ยวน่านเป็นจุดหมายเมืองรองที่สวยงาม ควรเน้นส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบกรีนซีซันคือการท่องเที่ยวช่วงฤดูฝน จะท่องเที่ยววัฒนธรรมต้องเที่ยวในเมืองน่าน ถ้าจะเที่ยวภูเขาทุ่งนาเขียวขจีต้องเที่ยวนอกเมือง และฤดูท่องเที่ยวของ จ.น่าน คือเดือน พ.ย. ถ้าจัดอีเวนต์ เช่น แฟชั่นโชว์ผ้าพื้นเมือง แหล่งธรรมชาติสวยงามก่อนช่วงฤดูฝนโปรโมตให้นักท่องเที่ยวมาตั้งแต่หน้าฝน จะขยายช่วงเวลาท่องเที่ยวจากฤดูฝนไปถึงฤดูหนาว ช่วยขยายเวลาท่องเที่ยวได้ยาวนานถึง 6 เดือน สร้างรายได้ให้ประชาชนได้อย่างยั่งยืน

“ไอติม” ขอนายกฯรับรอง 14 ร่าง ก.ม.

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่พรรคก้าวไกล นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรค ก.ก. แถลงความคืบหน้าการเสนอร่างกฎหมายเข้าสู่กระบวนการสภาฯโดย สส.พรรค ก.ก.ว่า ได้เสนอไปแล้ว 31 ฉบับ ครอบคลุมวาระการเมือง เศรษฐกิจ สังคม อาทิ ปลดล็อกท้องถิ่น คุ้มครองแรงงาน ปฏิรูปที่ดิน ปฏิรูปกองทัพ ปิดช่องทุนผูกขาด ป้องกันการทุจริต ยกระดับบริการสาธารณะ ยกระดับสวัสดิการ ปฏิรูประบบภาษี ใน 31 ร่างนี้เป็นร่างกฎหมายที่ไม่เกี่ยวกับการเงิน ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 134 จำนวน 17 ฉบับ คาดว่าจะเข้าสู่วาระที่ 1 เมื่อสภาฯเปิดกลางเดือน ธ.ค. ร่างกฎหมายที่ถูกวินิจฉัยว่าเป็นร่างการเงินมี 14 ร่าง จะยังไม่สามารถถูกบรรจุเข้าวาระการประชุมสภาฯได้จนกว่าจะได้รับคำรับรองจากนายกฯ อาทิ ร่าง พ.ร.บ.ยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหาร ร่าง พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 (ยุบกอ.รมน.) จึงขอให้นายกฯให้คำรับรอง 14 ร่างกฎหมายการเงินเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ ทันเปิดสมัยประชุมสภาฯ เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองและหาข้อสรุปที่ทุกฝ่ายยอมรับเดินหน้าร่วมกัน

10 คนอ้างเป็นด้อมส้มขู่ลาออก

ต่อมาเวลา 11.00 น. นายสะอาด คงอิ่ม สมาชิกพรรค ก.ก.พร้อมพวกรวม 10 คน เดินทางมาที่พรรค ก.ก.โดยอ้างว่าจะมายื่นลาออกจากสมาชิกพรรค ก.ก. และเพื่อเรียกร้องให้จัดการกับสมาชิกพรรคและ สส.ที่มีพฤติกรรมทำให้ภาพลักษณ์พรรค ก.ก.เสื่อมเสีย ทั้ง 10 คนสวมหมวกแก๊ป สวมแมสก์ สวมผ้าคลุมปกปิดใบหน้า บางส่วนสวมแว่นตา ชูป้าย ข้อความ “พวกเราทนไม่ไหวกับก้าวไกล” และยังนำผลส้มช้ำมามอบให้ นายสะอาดกล่าวว่า ไม่ได้มาโจมตีพรรค ยังไม่ใช่การลาออกแต่มาเรียกร้อง ไม่อยากให้ปลาไม่กี่ตัวทำลายปลาหลายตัว ทำงานกับพรรคมาโดยตลอด เป็นหัวคะแนนโซเชียล ไม่ได้มาดิสเครดิต ผู้สื่อข่าวขอให้แสดงหลักฐานสมาชิกพรรค ก.ก. กลุ่มดังกล่าวยืนยันมีหลักฐาน ครั้งหน้าจะนำหลักฐานมาด้วยเพื่อไขข้อข้องใจ

กกต.ฟันอาญาขอวัว 1 ตัวแลกกาบัตร

วันเดียวกัน เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เผยแพร่คำวินิจฉัย กกต.สั่งดำเนินคดีอาญานายรักษ์ศักดิ์ พันธ์อุโมงค์ ผู้มีสิทธิ เลือกตั้ง สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 28 เม.ย.66 นายนเรศ รัศมีจันทร์ ผู้สมัคร สส.เขต 4 เชียงราย หมายเลข 3 พรรคประชาธิปัตย์ ผู้ร้องโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กเป็นข้อความนโยบายด้านการเกษตรและวิธีทำอาชีพเกษตรกรรมให้สำเร็จ โดยนายรักษ์ศักดิ์ส่งข้อความแสดงความคิดเห็นต่อโพสต์ดังกล่าวว่า “ถ้าให้วัวผม 1 ตัวจะกาเบอร์ 3 แน่นอนครับท่าน” ขณะที่นายนเรศตอบกลับว่า “คุณคงเข้าใจผิดอะไรบางอย่างแล้ว อยากได้ต้องลงทุนเองครับ” นายรักษ์ศักดิ์ยังส่งข้อความต่ออีกว่า” งั้นไม่กาทั้งพรรคทั้งคนสมัครครับ จะกาพรรคภูมิใจไทยและผู้สมัครเบอร์ 7 ครับ” รวมทั้งยังเคยส่งข้อความถึงนายนเรศผ่านแอปพลิเคชันแมสเซนเจอร์ว่า “ผมจะกาเบอร์ 3 แลกกับวัว 1 ตัว ทำงาน 4 ปี คุ้มแสนคุ้มครับ” แสดงเจตนาประสงค์จะเรียกรับวัว 1 ตัวจากนายนเรศเพื่อแลกกับการลงคะแนนให้ ปรากฏหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าเรียกทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเอง เพื่อลงคะแนนหรืองดเว้นไม่ลงคะแนน ฝ่าฝืน พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส. มาตรา 101 ประกอบมาตรา 164 วรรคหนึ่ง มีโทษหนักจำคุกตั้งแต่ 1-5 ปี ปรับตั้งแต่ 20,000-100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี

ผบ.ทร.เผยทีโออาร์เครื่องเรือดำน้ำ

สำหรับโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำจากจีนที่ยังมีปัญหาเรื่องเครื่องยนต์ไม่เป็นไปตามสัญญาจนมีกระแสข่าวจะเปลี่ยนไปซื้อเรือผิวน้ำแทน เมื่อเวลา 10.00 น. ที่กองบัญชาการกองทัพเรือ (บก.ทร.) พระราชวังเดิม พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผบ.ทร.ให้สัมภาษณ์หลังเป็นประธานงานวันสถาปนา ทร.ครบ 117 ปี ถึงความคืบหน้าโครงการเรือดำน้ำว่า ทร.ทำหน้าที่ดีที่สุดแล้ว อดีตผู้บังคับบัญชาทุกคนนำยุทธศาสตร์ที่เราจำเป็นต้องมีเรือดำน้ำ 4 ลำ เพราะมิติใต้น้ำเรายังบกพร่อง เรือดำน้ำเป็นอาวุธทางยุทธ ศาสตร์ พูดออกสื่อลำบาก แต่ทุกคนคงเข้าใจ อดีตผู้บังคับบัญชาเดินหน้าโครงการมานานแล้ว ปี 2558 เริ่มลงนามปี 2560 ช่วงที่มีการลงนาม การกำหนดความต้องการตาม TOR ที่เขียนรวมๆว่า เราต้องการเครื่องยนต์ diesel generator set ขณะที่จีนเสนอ MTU 396 และตบท้ายด้วยว่า GB31 L (ผลิตในจีน) ขณะนั้นจีนยังคงได้ลิขสิทธิ์ผลิตจากเยอรมนีในการใช้งาน และการส่งออก จึงเซ็นสัญญากัน

ขอโทษอมพะนำเซ็นเปลี่ยนเครื่อง

พล.ร.อ.อะดุงกล่าวว่า ยืนยันว่า ณ วันนั้นไม่มี ฝ่ายใดบกพร่อง ต้องกราบขอโทษประชาชนที่ ทร. ไม่ได้พูดอะไรออกมา เพราะหลังที่ตนรับหน้าที่ ผบ.ทร.ได้ทำหนังสือถึงจีนขออนุญาตเปิดเผยข้อมูลในสัญญาบางส่วนถือเป็นมารยาทระหว่างประเทศ จีนอนุญาตให้เปิดเผยได้ตามที่จำเป็น จนปี 2562 จีนทำหนังสือแจ้งว่า เครื่องยนต์มีปัญหาเพราะเยอรมนีไม่อนุญาตให้ทำได้ ผู้แทน ทร.ที่ประเทศจีนได้ทำหนังสือตอบโต้กลับอยู่หลายฉบับยืนยันตามความ ต้องการเดิมทุกวิถีทาง และอดีตผู้บังคับบัญชาทุกคนได้เจรจากับเยอรมนี รวมถึงสถานทูตช่วยเจรจากระทั่งปี 2564 จีนมีหนังสือแจ้งว่า ไม่น่าจะได้แล้ว ขอให้ช่วยกันหาทางออก พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ อดีต ผบ.ทร. ได้ให้กรมอู่ทหารเรือเดินทางไปตรวจสอบเครื่องยนต์ CHD 620 ที่จีนผลิตทุกมิติ ทดลองเครื่องด้วยการวิ่ง 200 ชั่วโมงไม่มีหยุด ทำทุกอย่างตามข้อตกลงผลที่ออกมาจึงรายงานถึงอดีต ผบ.ทร.ว่าเครื่องยนต์น่าจะโอเค จนเป็นที่มาของการเซ็นหนังสือถึงกระทรวงกลาโหมเพื่อขออนุญาตเปลี่ยนเครื่องยนต์เรือดำน้ำ ถือเป็นทางออกที่ ทร.ทำได้ดีที่สุด

ถามอัยการหาช่องเปลี่ยนเครื่องยนต์

พล.ร.อ.อะดุงกล่าวอีกว่า รัฐบาลให้เงิน ทร.ซื้อเรือดำน้ำ ทร.ก็ทำหน้าที่ซื้อเรือดำน้ำให้ได้ ไม่มีหน้าที่ที่จะมาบอกว่าเปลี่ยนเป็นเรืออื่น เพราะตามระเบียบการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้าง และการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 ให้เงินมาซื้อเรือดำน้ำต้องได้เรือดำน้ำ เมื่อเรื่องมาถึงรัฐบาลใหม่ ทร.ต้องกราบขอบคุณนายกฯ และ รมว.กลาโหม ที่ช่วยเจรจากับเยอรมนีและจีนยังเป็นคำตอบเดิม ถ้าเรือดำน้ำมาถึงทางตันได้ขอไปว่าขอให้เงินจำนวนนี้เป็นเงินของ ทร.ซื้ออาวุธให้ ทร.หรือเรือที่น่าจะเหมาะสมคือเรือผิวน้ำ ขอย้ำว่าเรือผิวน้ำ อย่าเพิ่งไปพูดถึงเรือฟริเกต หรือเรือ OPV หรืออะไรแล้วแต่ เพราะยังต้องเจรจาอีกหลายขั้นตอน กระทรวงกลาโหมได้ทำหนังสือสอบถามกรมพระธรรมนูญไปว่าจะแก้ไขสัญญา ใครเป็นผู้อนุมัติ ครม.หรือสภาฯ ขณะเดียวกัน ทร.ได้ทำหนังสือถึงสำนักงานอัยการสูงสุดสอบถาม 3 ประเด็น คือ 1.การปรับแก้เครื่องยนต์เป็นสาระสำคัญหรือไม่ 2.การจะเปลี่ยนเรือดำน้ำมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง และ 3.อนุมัติให้แก้ไขเครื่องยนต์อำนาจอยู่ที่ใคร จากนั้นจะพิจารณาว่าจะเดินหน้าอย่างไร ขอให้ใจเย็น และยืนยันว่า ทร.จะใช้งบฯให้คุ้มค่า ตอบโจทย์ภาระหน้าที่การรับผิดชอบอธิปไตยให้กับคนไทยอย่างดีที่สุด

เข้าใจจีนยกเลิกเปลี่ยนสัญญาไม่ง่าย

เมื่อถามว่าทางจีนไม่รับการตอบสนองหากเปลี่ยนเป็นเรือผิวน้ำ ผบ.ทร.ตอบว่า คงเป็นเหมือนทั่วไป เพราะจีนต่อมาครึ่งลำแล้ว การจะไปขอยกเลิกหรือเปลี่ยนอะไรไม่ใช่เรื่องง่าย และการจะเปลี่ยนเป็นเรือผิวน้ำเป็นอีกบริษัท ถ้าเป็นบริษัทเดียวกันยังพอเข้าใจกันได้ ขอให้รอเวลา ทร.เข้าใจน้อมรับการตัดสินใจของรัฐบาล สุดท้ายไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุดของคนไทย “ผมเข้าใจคนที่จะเซ็นอนุมัติ เพราะความเป็นห่วง เราจะพยายามทำทุกอย่างให้มันผ่านไปด้วยดี คนเซ็นไม่มีความกังวล ยอมรับว่าผมก็ใจร้อนเช่นกัน และขอให้อานุภาพกรม หลวงเสด็จเตี่ยช่วยดลบันดาลให้เรือลำนี้จบลงด้วยดี”

“ปานปรีย์” ติวเข้มทูต-กงสุลไทย

เมื่อเวลา 09.00 น. ที่โรงแรมเจดับบลิว แมริออท นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศ เป็นประธานเปิดการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ทั่วโลก ประจำปี 2566 ระหว่างวันที่ 19-24 พ.ย. มีนายจักรพงษ์ แสงมณี รมช.ต่างประเทศ คณะที่ปรึกษารัฐมนตรี เลขานุการรัฐมนตรี และคณะเอกอัครราชทูตไทยและกงสุลใหญ่ไทย ประจำประเทศต่างๆทั่วโลกเข้าร่วม เพื่อหารือแนวทางการทำงานร่วมกัน อาทิ ผู้ช่วยทูตฝ่ายพาณิชย์และการลงทุน ผวจ.ชายแดน ระดมสมองนโยบายการต่างประเทศของไทย การทูตเศรษฐกิจเชิงรุกเปิดตลาดต่างแดน ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ไทยในต่างประเทศ นายปานปรีย์กล่าวเปิดงานตอนหนึ่งว่า การทูตเศรษฐกิจเชิงรุกเป็นเครื่องมือสำคัญของการดำเนินนโยบายของรัฐบาลที่เน้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ และสร้างความกินดีอยู่ดีแก่ประชาชน ขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้าผ่านการดำเนินนโยบายต่างประเทศ และการมีส่วนร่วมของประชาชน เอกอัครราชทูตไทยและกงสุลใหญ่ไทย ต้องมีความรวดเร็ว คล่องตัว และต้องผนึกกำลังให้มากขึ้น

ย้ำนายกฯให้สวมบทเซลส์แมน ปท.

ขณะที่นายศรัณย์ เจริญสุวรรณ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า หัวข้อการประชุม “การทูตเชิงรุกในโลกแบ่งขั้ว” สะท้อนแนวทางการทำงานของรัฐบาล มุ่งเน้นบทบาทรักษาและแสวงหาผลประโยชน์ของไทยในสภาวะการของโลกแตกแยก และมีการแข่งขันมากขึ้นทุกด้าน เพื่อรับทราบแนวนโยบายของรัฐบาลที่สำคัญๆ อาทิ นโยบายซอฟต์พาวเวอร์ โครงการแลนด์บริดจ์ การขับเคลื่อนอุตสาหกรรม การดำเนินการเพื่อบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน เศรษฐกิจดิจิทัล การทำข้อตกลงเพื่อสร้างการเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ

ด้านนางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่าวันที่ 21 พ.ย. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และ รมว.คลัง จะเข้าร่วมประชุมและมอบนโยบายให้กับเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ไทย วันที่ 21 พ.ย. เวลา 15.00 น. ที่วิเทศสโมสร กระทรวงการต่างประเทศ นายกฯคาดหวังให้เอกอัครราชทูตไทยและกงสุลใหญ่ไทยทำหน้าที่เซลส์แมนของประเทศ

แหล่งที่มา

About The Author

Scroll to Top