ศาลอุทธรณ์ ยกฟ้อง 20 แกนนำพันธมิตรฯ ปิดล้อมสภา ปี 51 ไล่ “นายกฯ สมัคร”

ศาลอุทธรณ์ ยกฟ้อง 20 แกนนำพันธมิตรฯ ปิดล้อมสภา ปี 51 ไล่ "นายกฯ สมัคร"

ศาลอุทธรณ์ ยกฟ้อง 20 แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กรณีปิดล้อมรัฐสภา ขับไล่นายกฯ สมัคร สุนทรเวช ให้ลาออก เมื่อปี 2551 ชี้ โจทก์ไม่มีพยาน-หลักฐาน นำสืบว่าจำเลยก่อความวุ่นวาย หรือขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน  

จากกรณีเมื่อวันที่ 25 พ.ค. – 7 ต.ค. ปี 2551 แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ได้ชักชวนประชาชนเข้าร่วมชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพื่อกดดัน ก่อความวุ่นวายให้ นายสมัคร สุนทรเวช ลาออกจากนายกรัฐมนตรี โดยปิดล้อมสถานที่ราชการ, สภา เพื่อไม่ให้คณะรัฐมนตรี สส., สว. และเจ้าหน้าที่เข้าร่วมประชุมรัฐสภา เพื่อมิให้นายกรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116, 215, 216, 309, 310 จำเลยให้การปฏิเสธ สำหรับคดีนี้เมื่อวันที่ 4 มี.ค. 62

ศาลอาญา พิเคราะห์แล้วเห็นว่า การชุมนุมของพวกจำเลยเป็นการแสดงสัญลักษณ์ ปราศรัยที่สมเหตุผล ห้ามปรามไม่ให้ก่อความรุนแรง ถือเป็นการชุมนุมโดยสงบตามรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2550 มาตรา 63 ได้รองรับไว้ และแม้จะมีการกีดขวางกระทบการจราจรไปบ้าง แต่ก็เป็นปกติของการชุมนุมแสดงออกตามสิทธิ การชุมนุมตั้งแต่วันที่ 5-7 ต.ค. 2551 ไม่ปรากฏว่ามีความรุนแรง หรือมีผู้ใดฝ่าฝืนทำให้ทรัพย์สินเสียหาย พิพากษายกฟ้องอัยการโจทก์ ยื่นอุทธรณ์ขอให้ลงโทษพวกจำเลยด้วย

วันนี้ 2 พ.ย. 66 เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรฯ พร้อมอดีตแนวร่วมคนอื่นๆ รวม 20 คน ได้เดินทางมาตามศาลนัดเพื่อฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ในคดีดำ อ.4924/55 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ฟ้อง นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรฯ และอดีตแนวร่วมคนอื่นๆ รวม 21 คน จำเลยในคดีปิดล้อมสภาปี 51 ขับไล่ นายกฯ สมัคร สุนทรเวช ลาออก ในความผิด 5 ข้อหา ฐานร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีการอื่นใดอันมิใช่การกระทำภายในความมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญฯ, เป็นหัวหน้า หรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการในการมั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดทำให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยผู้กระทำมีอาวุธ และเมื่อเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกแล้วไม่เลิกมั่วสุม, ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จำเลยทั้ง 21 คน ประกอบด้วย 1.นายสนธิ ลิ้มทองกุล 2.นายพิภพ ธงไชย 3.นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ (เสียชีวิต) 4.นางมาลีรัตน์ แก้วก่า 5.นายประพันธ์ คูณมี 6.นายสมศักดิ์ โกศัยสุข 7.นายสุริยะใส กตะศิลา 8.นายอมร อมรรัตนานนท์ 9.นายสำราญ รอดเพชร 10.นายศิริชัย ไม้งาม 11.นายสาวิทย์ แก้วหวาน 12.นายพิชิต ไชยมงคล 13.นายอำนาจ พละมี 14.นายกิตติชัย ใสสะอาด 15.นายประยุทธ วีระกิตติ 16.นายสุชาติ ศรีสังข์ 17.นายสมบูรณ์ ทองบุราณ 18.นายศุภผล เอี่ยมเมธาวี 19.นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก 20.นายพิเชฏฐ พัฒนโชติ และ 21.นายวีระ สมความคิด

ล่าสุด ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่า พยานหลักฐานโจทก์ไม่สามารถนำสืบได้ว่าจำเลยทั้งหมดก่อความวุ่นวาย และชุมนุมไม่ชอบ การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ เนื่องจากไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลในขณะนั้น ยืนยันเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยไม่ชอบ จึงออกมาชุมนุมตามสิทธิของรัฐธรรมนูญ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน จึงไม่เป็นความผิดตามฟ้อง

ส่วนข้อหาขัดคำสั่งเจ้าพนักงานนั้น เห็นว่า โจทก์ไม่มีประจักษ์พยาน เบิกความว่าจำเลยทั้งหมดเป็นคนสั่งการให้มวลชนกระทำการวุ่นวาย แต่เห็นว่ามวลชนตอบโต้ตำรวจเนื่องจากโกรธแค้นที่เข้ามาสลายการชุมนุม จำเลย 20 คน จึงไม่มีความผิดฐานขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน

ส่วนข้อหาข่มขืนใจผู้อื่น และหน่วงเหนี่ยวกักขัง พยานหลักฐานโจทก์ไม่สามารถเบิกความให้เห็นว่าจำเลยทั้งหมดข่มขืนใจ หรือสั่งการใช้ให้ผู้ชุมนุมกระทำการปิดลอมอาคารรัฐสภา แต่เป็นการที่ผู้ชุมนุมทำเอง โดยตอบโต้ตำรวจเพื่อระบายความโกรธแค้น พยานหลักฐานของโจทก์ไม่มีน้ำหนักรับฟังได้ว่าจำเลยทั้งหมดกระทำผิดตามฟ้องที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้น ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วยพิพากษายกฟ้อง.

แหล่งที่มา

About The Author

Scroll to Top